หรีดงานศพ...เห็นชื่อเรื่องแล้วลองอ่านก่อนนะครับ
อย่ากลัวผีจนรีบปิดไป อิอิ เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้ไปกวาดขยะที่ลานวัด
(เฉพาะวันนี้??) ได้รับประสบการณ์ใหม่และความคิดใหม่อยากนำมาแบ่งครับ...รับรอง
ไม่เกี่ยวกับเรื่องโดนผีหลอกแน่ๆ อิอิ
๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา
ได้ชักชวนพระใหม่รูปหนึ่งที่กำลังกวาดขยะอยู่
เข็นรถไปโกยขยะที่ข้างเมรุเผาศพด้วยกัน (รับรอง...ไม่ใช่เรื่องผี
และไม่ใช่เรื่องคู่เกย์ด้วย อิอิ) ปรากฎว่า
เฉพาะพวงหรีดที่โยมนำมาทิ้งไว้ข้างเมรุวันเผาศพซึ่งเป็นทั้งแบบดอกไม้สด แห้ง บรรดาโอเอซิสปักดอกไม้
และดอกไม้กระดาษ ต้องขนทิ้งกัน ๒ รอบ (ด้วยรถเข็นใหญ่) ...
ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังไม่ใช่เพราะโกรธ หรือ
เกลียดโยมที่ทิ้งขยะไว้ให้พวกเราเก็บหรอกครับ ไม่เคยคิดโกรธโยมเลย
ต่อให้ไม่มีความรับผิดชอบ เหมือนเด็กที่ยังไม่โต
ทิ้งขยะไม่เป็นที่สักแค่ไหนฯลฯลฯลฯ อิอิ เพียงแต่เห็นว่า
เราเอาเงินมาทิ้งกับขยะโดยเปล่าประโยชน์....
ให้ทายแบบไม่ต้องไปเปิดพจนานุกรม...คิดว่า
ความหมายและเป้าหมายของ “พวงหรีด” น่าจะอยู่ตรง
การนำของบางอย่างไปให้เป็นลักษณะกำนัล หรือ เพื่อปลอบใจแก่ญาติผู้ตาย
อันนี้เป็นเป้าหมายที่แท้จริง ซึ่งถ้ายึดเอาวัตถุประสงค์นี้ เราจะเอาอะไรที่คิดว่า
มีค่าไปก็ได้ เช่น อาจเป็นชุดแก้วกาแฟพร้อมจานรอง หรือชุดเรื่องนอนสวยๆ
เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการพักผ่อน(ลืมเศร้าโสก ที่เป็นบรรยากาศเก่า
เนื่องจากเห็นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มอันเก่าแล้วทำให้นึกถึงคนที่เคยนอนข้างๆ
อิอิ.....ระวังเขาจะมานอนจริงๆนะ อิอิอิ)
ส่วนเป้าหมายของหรีดอีกอย่าง...สันนิษฐานว่า มีคนบางกลุ่ม ที่อยากสร้างชื่อเสียง
(ว่าตัวเองมีคุณธรรม) ไปด้วยกับการให้ของบางอย่าง จึงต้องเขียนชื่อตนกำกับไว้ด้วย
และดูเหมือนเจ้าภาพก็ชอบ เพราะสะท้อนให้เห็นถึงการมีเพื่อนฝูงที่เพียบพร้อมด้วยยศศักดิ์มาร่วมแสดงความเห็นใจด้วย....(เหตุที่ไม่ยอมไปเปิด
พจนานุกรม เพราะ ๑. เราอยู่ในสังคมจริง เข้าใจความรู้สึกของคนภายใน
ทั้งผู้ให้และผู้รับ
จึงน่าจะเอาสิ่งนี่มาอ้างได้เลยโดยไม่ต้องไปหาคำตอบจากที่อื่นอีก ๒.
เพราะกลัวคำนิยามของตัวเองจะผิด อิอิอิ)
งานศพปัจจุบัน....เฉพาะค่าดอกไม้อย่างเดียว ที่ตกแต่งรอบหีบศพ
(รวมทั้งหรีดที่นิยมจัดเป็นพวงดอกไม้แห้ง และสดกันมากขึ้น) ต้องใช้เงินเยอะมาก
ทราบมาว่าราว ๕,๐๐๐ ถึง ๑๐,๐๐๐ บาท ส่วนงานที่พิเศษหน่อยเช่นพระราชทานเพลิงฯ
หรือเป็นบุคคลสำคัญ อาจใช้ราว ๓๐,๐๐๐ ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท แต่สุดท้าย ถ้าเป็นดอกไม้แห้ง
เจ้าของก็มาเก็บกลับไป....เป็นดอกไม้สด ก็นำไปทิ้งโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ต่อ
(ที่อาตมากับเพื่อนต้องขนไปทิ้งนั่นแหละครับ อิอิ)
จึงอยากให้เรามาร่วมคิดกันใหม่ครับ
และรับรองว่า ไม่ใช่แค่อุดมคติ แต่เป็นความจริงที่ครั้งหนึ่งมีงานหนึ่งทำได้แล้ว....(ขอไม่ระบุชื่อ
เพราะคนเสื้อแดงอาจไม่ชอบ เป็นงานศพแม่ของอดีตนายก......ตรัง อิอิอิ)
อาตมาเองไม่ได้ไปร่วมงานด้วย และไม่ทราบว่า การจัดดอกไม้รอบหีบศพเป็นอย่างไร
แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เล่ากล้ายืนยันกับอาตมาคือ พวกหรีดในงานนี้..ออกมาในรูปต้นไม้ใส่ถุง
ที่พร้อมจะนำไปปลูกได้แค่ฉีกถุงดำออก...อิอิอิ ผู้คนนำมาแทนหรีด มีจำนวนมากมาย
ขณะวางอยู่ในงาน ก็เป็นเหมือนดอกไม้ประดับไปในตัว เสร็จงานแล้ว
ก็ถวายพระตามวัดเพื่อนำไปปลูกต่อได้.....นี่แหละ นักอนุรักษ์นิยม..อุ้ย! อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวจริง อิอิ
(แต่ต่อให้เพื่อนที่เล่าโกหกอาตมา...เราก็ยังสามารถทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้อยู่ดี)
วิธีการง่ายมากๆ นั่นคือ
กรณีที่เราเป็นเจ้าภาพงานศพเอง (ไม่ใช่เป็นศพนะ อิอิ) เมื่อญาติเสีย
แทนที่จะติดต่อสั่งดอกไม้สด หรือ แห้งมาตกแต่งด้วยราคาที่แพง (หรือต่อให้ไม่แพงมาก
แต่ลองเปรียบเทียบกับสิ่งที่กำลังจะกล่าวต่อไปดู) เปลี่ยนเป็น
ไปซื้อต้นไม้จากร้านข้างถนน อาจกล้วยไม้ก็ได้ ๓ ต้น ๑๐๐ บาท (โดยเฉลี่ยเมื่อสามารถต่อรอง
หรือ ลดบ้างแล้ว) เราอาจได้กล้วยไม้ราว ๑๐๐ ต้น ในราคา ๓,๐๐๐ บาท แค่นี้ก็ถมหีบศพได้แล้วครับ
อิอิ หรืออาจตั้งงบไว้ที่ราว ๕,๐๐๐ เราก็สามารถซื้อไม้ประดับอย่างอื่นเพิ่มได้
เช่น โมกข์ แก้ว มะลิ สัปรดสี มาเสริมได้ เพียงเท่านี้ เราก็จะได้งานจัดแสดงหีบศพที่งดงาม
เป็นธรรมชาติ(ที่จริงอาตมาไม่ได้ส่งเสริมนะ ไม่ต้องตกแต่งอะไรเลยก็ดี
แต่เห็นโยมชอบกันจัง เลยเสนอแนวทางใหม่) เสร็จงาน ก็ช่วยกันหาที่แขวนกล้วยไม้
ช่วยกันปลูกโมกข์ฯลฯ น่าจะเป็นนันทนาการที่ไม่เลวนะครับ อิอิ
หรือหากโยมกลัวผีเอามากๆ คิดว่า ต้นไม้นั้นจัดตกแต่งในงานศพ น่าจะมีผีสิงอยู่แน่
ก็เอามาถวายพระ หรือทิ้งไว้ตามข้างเมรุนั่นแหละครับ อาตมาจะชวนพระใหม่ไปเก็บด้วยความเต็มใจเอง
อิอิ
ส่วนญาติห่างๆ
หรือคนรู้จักที่ชอบซื้อหรีด ไปงานคนอื่น แทนที่จะจ่ายเงินราว ๓๐๐-๕๐๐ บาท
กับหรีดที่ต้องทิ้งในวันเผา ก็เปลี่ยนเป็นต้นไม้ที่จะนำไปปลูกต่อได้ เช่น
ถือโมกข์ไปวางโชว์แทน รับรองไม่น่าเกลียด และไม่คิดว่า เจ้าภาพจะไม่ยินดีหรอก......หากเราชอบโชว์ตัวเองเหมือนที่กล่าวข้างบน
ก็อาจเขียนชื่อใส่กระดาษเล็กๆหนีบกับกิ่งไปก็ได้ (นึกภาพตอนเราไปเลือกซื้อต้นไม้
จะมีป้ายเล็กๆบอกชื่อ/ประเภทต้นไม้นั้นไว้
เราก็แค่บอกให้เจ้าของร้านต้นไม้เปลี่ยนเป็นชื่อเราแทน อิอิ....ดูน่ารักมากนะ....แต่จะมีปัญหาหน่อย
ถ้าเราชื่อ นางจำปี นายสนฯลฯ อิอิ) ๓๐๐ บาท
ได้โมกข์ต้นใหญ่ หรือ ๕๐๐ ก็จะได้หูกระจงเล็กๆ ซึ่งเหมาะแก่การนำไปประดับมาก ๑,๐๐๐
บาทก็ได้ไม้ใหญ่ แม้กระทั่ง ๒๐ บาท ก็ได้พวกผลไม้กินได้ เช่น ต้นมังคุดมะม่วง ทุเรียน
ลองกอง เงาะ....ถ้าเจ้าภาพเพิ่งปลูกยางพาราใหม่ ก็อาจเอายางพาราไปเสริมก็ได้
เพราะจะมีบางต้นที่ปลูกแล้ว ตายอยู่เรื่อยๆ โยมฟังแล้วอย่าหัวเราะนะ อาตมาเป็นพระเลยไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้
แต่ถ้าเป็นฆราวาส สาบานว่าจะทำจริงๆ และหากเป็นเจ้าภาพ (ไม่ตายก่อนญาติพี่น้อง)
ก็จะยินดีมากหากเห็นคนทำเช่นนี้กับตนฯ ถ้าทุกคนช่วยกันทำอย่างนี้แทนการนำพวงหรีดไป
บริเวณเต้นท์ก็ไม่ต้องผูกผ้าระบายขาวดำ (ใช้เงินเยอะอีกเช่นเคย)
แต่วางต้นไม้ที่ญาติๆ หรือเพื่อนร่วมงานที่นำไปมอบนี่แหละ
อาจจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆได้ หรือวางตรงเสาเต้นท์ให้ความร่มรื่น เบิกบานตาได้ครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น