วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประทัด... เสียงที่ประกาศชัยชนะ?

      แรงจูงใจที่เป็นเหตุให้อธิบายเรื่องนี้เกิดขึ้นขณะอาตมากำลังนั่งสมาธิอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง (แห่งไหน? พูดมาตรงๆเลยดีกว่า!)เมื่อนั่งสมาธิกำลังจะสงบดีก็ได้ยินเสียงประทุดัง ปั้งๆๆๆๆๆขึ้นเป็นพันนัดโดยมิได้เตรียมตัวที่จะฟังมาก่อน(จะบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุว่างั้นเหอะ?) โชคดีที่ลืมตาขึ้นมาได้ด้วยใจที่ปกติไม่โกรธเคือง มิเช่นนั้นจะท่องคาถาสาปคนจุดให้เป็นเจ้าด่างสี่ขาไปให้หมดเลย (แต่ถึงอยากทำก็คงทำไม่ได้หรอก!) เล่นกันครั้งหนึ่งเป็นพันสองพันนัด นี่ถ้าโดนยิงจะเหลือซากศพให้เห็นไหมเนี่ย?...โยมอาจคิดว่าทำไมเอาหลวงพ่อมาพูดเป็นเล่นไป เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าหลวงพ่อท่านอยากได้ประทัดเราจริงหรือ?
     ไม่ว่าหลวงพ่อที่ไหน ถ้าเคยเป็นพระมาก่อน ท่านจะถูกสอนให้ช่วยเหลือโยมด้วยการให้ธรรมะ อาจแสดงฤทธิ์อำนาจบ้างเช่น ไล่ผีที่มาเข้าคนออกไป แต่จุดประสงค์ของท่านก็เพื่ออยากให้เขากลับได้สติแล้วมาฟังธรรมะที่ท่านสอนกัน หากพระไม่มีธรรมะให้โยมพระจะต่างอะไรกับหมอผีละ ใช่ป่าว? พระพุทธเจ้าเน้นหนักมากเรื่องการช่วยเหลือคนให้เขาเปิดตาออกมาจากความโง่เขลางมงายให้ได้ คนที่พระพุทธเจ้ายกย่องในอดีตจึงเป็นคนที่รู้ธรรมะและแนะนำโยมในการดำเนินชีวิตได้เท่านั้น ส่วนปัจจุบัน...เอ้ยยย! น่าเสียดายที่คนกลับเอาอิทธิฤทธิ์หมอผีมาเชิดชูอีกครั้ง คนที่โยมจะเข้าหาก็เลยต้องเก่งเรื่องคาถาอาคม ลงรักปิดทองหน้าท้อง(บางทีขณะทำพิธีทนไม่ไหว ปลุกปล้ำกันทั้งจีวรก็มี...อุ้ย!ท่านเอาอะไรมาพูดเนี่ย? ไม่อยากบอกว่าเคยแอบดูมาหลายครั้งแล้ว ฮิๆๆ) ถ้าสังคมเป็นอย่างนี้ พระไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ชี้ทางสว่าง แต่กลับใช้ความโง่เขลาของคนเป็นช่องทางหากินเสียอีก ใครล่ะจะน่ายกย่อง เอาเป็นว่าถ้าหลวงพ่อที่เราบูชาอยู่ท่านขลังและศักดิ์สิทธิ์จริง เราเคารพบูชาท่าน โยมลองคิดดูสิว่าท่านจะเป็นพระประเภทบ้าของขลังอำนาจดลบันดาลหรือพระนักปฏิบัติที่คอยสอนธรรมะญาติโยม? เอาเป็นว่าไม่รอคำตอยโยมแล้วนะ เพราะตอนนี้อาตมากำลังของขึ้น...ท่านจะต้องเป็นพระที่ใฝ่ธรรมสิ แล้วเมื่อท่านตายไป ท่านจะมาคอยใช้ฤทธิ์ดลบันดาลให้เราหรอ? ถ้าท่านทำได้นะ อาตมาคิดว่าท่านคงจะทำให้โยมเลิกทำความชั่ว เลิกนินทาชาวบ้าน เลิกทำตัวเป็นไอ้เสือขโมยยางแผ่นเขามากกว่า เห็นด้วยป่าว?  
ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไม่อยากให้โยมศรัทธาหลวงพ่อหรอกนะ เพียงแต่อยากให้โยมเข้าหาท่านด้วยปัญญา อย่างน้อยก็เอาร่างกายท่านซึ่งเป็นแค่ปูนหรือเหล็กมาเป็นเครื่องเตือนใจว่า ร่างกายคนนี้ไม่เที่ยง สักวันต้องตายเหมือนท่านแน่ แต่เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตเรานะมีค่าขึ้นจนเป็นที่จดจำและเป็นแบบอย่างให้กับสังคมเหมือนหลวงพ่อได้? ถ้าเรามัวแต่หวังให้ท่านมาช่วยแล้วบอกว่าเมื่อทำการเสร็จแล้วจะเอาของไปถวาย ก็หมายความว่าเราขี้เกียจ ไม่อยากทำงานนั้นด้วยตัวเอง อีกอย่างส่อถึงว่าเราไม่ได้รักท่านจริง เพราะเราไม่เคยเอาอะไรไปให้ท่านฟรีๆ ไม่เคยคิดจะทำตามสิ่งที่ท่านสอน แต่ที่เข้าไปหาท่านเพราะจะใช้ท่านเป็นแค่เครื่องมือหรือคนรับใช้ของเราเท่านั้น..อาตมาคิดแล้วเศร้าใจจริงๆ...เดี๋ยวขอเช็ดน้ำตาก่อนนะ โยมคงไม่เคยสงสารหลวงพ่อละสิ โยมใจดำมากเลยนะ อาตมาโป้งโยมแล้วล่ะ! (ขี้น้อยใจอย่างนี้เป็นพระหรือเด็กทารกเนี่ย?)
      เมื่อโยมขอหลวงพ่อแล้ว หลายคนไม่ประสบความสำเร็จ หลายคนก็ได้ตามประสงค์ขึ้นมาเช่นได้งานใหม่ ก็อยากถามว่าที่สำเร็จเพราะหลวงพ่อไปหาให้โยมหรอหรือโยมเป็นคนหาเอง? พอเสร็จแล้วก็ดีใจ ลืมไปว่าตนเองก็มีความสามารถที่จะทำอะไรให้สำเร็จได้ เลยเอาความดีความชอบมายัดให้หลวงพ่อ (แต่ก็ดีกว่ายัดความผิดให้นะ!) อย่างไรก็ตามมันเป็นการหลอกตัวเองงัย ทีนี้โยมไม่ต้องมาว่าอาตมาเป็นเด็กทารกหรอก โยมนั่นแหละที่ไม่ยอมโตสักที นึกขึ้นได้ว่าหลวงพ่อคงช่วยเหลือจึงไปซื้อประทัดมาจุดให้ท่าน โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่าท่านชอบประทัดหรือไม่ เราลองเปรียบเทียบคนแก่บ้านเราสิ ถ้าเรารักท่านมากแล้วเราเอาประทัดไปจุดหน้าบ้านท่าน ท่านจะพอใจหรอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่านเป็นพระหลวงพ่อด้วย เผลอๆท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่เหมือนอาตมา ท่านก็คงตกใจน่าดู บางทีตอนบ่ายๆท่านอยากจะพักผ่อนบ้าง คนแก่เขาก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว เราก็เอาประทัดไปยัดให้ท่านอีก...ฯลฯ อาตมาจึงอยากให้โยมลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่นะ เอ้า..มีดังนี้
๑.     อยากให้โยมรักหลวงพ่อให้มากๆ มาหาท่านให้บ่อยกว่าเดิมก็ได้ แต่อย่ามาใช้งานท่านสิ มากราบไหว้ท่านเพราะเราเคารพท่าน จากนั้นก็คิดถึงธรรมะที่ท่านเคยสอนหรือถ้าเกิดไม่ทันท่านก็ให้ไปศึกษาจากหนังสือเล่มอื่นหรือพระรูปอื่นก็ได้ ครอบครัวของเราซึ่งอาจมีหลวงพ่อเป็นปู่หรือทวดก็จะอบอุ่น เต็มไปด้วยความรู้ในการดำเนินชีวิต
๒.   ถ้าอยากสละเงินให้ท่านจริงๆ เราน่าจะเอาเงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้บ้าน(วัด)ท่านดีกว่าไปเสียกับลูกประทัดที่จุดแล้วรบกวนท่านแถมยังไม่เกิดประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ
๓.   ให้เรานึกถึงความสามารถของตัวเราเองมากกว่าการอ้อนวอนขอท่าน ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็จริงแต่ท่านจะยินดีด้วยถ้าเกิดเราโตพอที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ ถ้าทำอย่างนี้ เข้ามาเยี่ยมท่านทีไรท่านก็จะยิ้มให้เราตลอดสมกับที่เป็นลูกหลายของท่าน
แค่นี้ก่อนแล้วกัน...หวังว่าคงจะเข้าใจหลวงพ่อมากขึ้นแล้วนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้านิดหนึ่ง ต้องขอขอบคุณพระอาจารย์จรัญจริงๆที่เตือนสติ ตอนแรกตั้งใจจะเขียนแบบเสียดสีและด่าให้สะใจไปแล้ว ท่านบอกว่า..เดี๋ยวโดนไล่ออกนะเว้ย..เลยกลัวขึ้นมา กลัวหลวงพ่อไม่ช่วยด้วยแหละ เพราะไม่เห็นท่านพูดสักที เลยเอาตามท่านไป แต่เจตนาดีกับโยมทุกคนนะเพราะไม่อยากให้โยมมาเสียเงินกับเรื่องไร้สาระ มามุ่งประโยชน์ของคนรอบข้างกันดีกว่านะครับ....ตกลงเลิกจุดไหมเนี่ย? จะได้นั่งสมาธิแบบไม่ต้องสะดุ้งอีก!
           บทความจัดบอร์ดวัดสาริการาม ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น