ตามหลักพุทธ...ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรที่จะมาตามจองล้างจองผลาญใครคับ เพราะเรายกเรื่องการสนองเวรให้เป็นกฎของกรรมไป กฎแห่งกรรมเป็นเหมือนผู้พิพากษาคนกลางที่ยุติธรรมที่สุด คนเราก็มีกรรมเป็นของตัวเอง ตายไปก็มีความคิดใหม่ อยู่ในที่ใหม่ ไม่มีใครคิดจะไปตามทำร้ายคนอื่นหรอกครับ อิอิอิ
ยกเว้น คนที่ยังมีชีวิตกันอยู่ทั้ง 2 คน เกลียดกัน และตามจองล้างกัน นี่จึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรคับ ฉันขโมยรองเท้าแก แกเอาน้ำมารดบนโต๊ะทำงานฉัน อิอิอิ
ตามหลักความจริง...โยมไม่สามารถอ้างกรรมเก่าว่าอาตมาทำร้ายโยม
ชาตินี้โยมเลยกลับมาแก้แค้น แล้วตีหัวอาตมา ศาลเขาไม่ยอมครับ
เพราะกรรมเก่าใช้อธิบายไม่ได้ มิฉะนั้น
คนก็จะอ้างกรรมเก่าและทำกรรมแบบแย่ๆกันเต็มเลย พุทธก็เหมือนกันครับ
กรรมจะเป็นตัวจัดสรรมันเอง
ไม่ใช่เราหรือเจ้ากรรมนายเวรตัวไหนต้องมาคอยจดบันทึกแล้วตามเก็บของเก่าด้วย
ตัวเอง เพราะมิฉะนั้นเวรกรรมก็จะไม่สิ้นสุดครับ
เพราะคนเราต่างอยากสนองกรรมด้วยตัวเราเองเพื่อความสะใจทั้งสิ้น
แต่นั่นไม่ใช่ความจริงคับ
สรุปคือ...ตามหลักการพุทธ และความเป็นจริงแล้ว ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรที่ต้องมาคอยตามล้างกันข้ามภพข้ามชาติครับ เพราะเรายกให้เป็นเรื่องกรรมที่จะมาจัดสรรเอง เช่น จัดสรรการเกิด ฐานะ เป็นต้นให้เรา เราจึงไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ ว่าใครดีกับเราบ้าง เราจะต้องไปตามอุปถัมภ์ หรือ ใครร้ายกับเรา ก็จะไปตามจองล้างจองผลาญมัน...การมาประโคมข่าวเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ต้องทำบุญแก้กรรม จึงเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและมุ่งผลประโยชน์ของผู้นั้นมากกว่า คับ
สรุปคือ...ตามหลักการพุทธ และความเป็นจริงแล้ว ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรที่ต้องมาคอยตามล้างกันข้ามภพข้ามชาติครับ เพราะเรายกให้เป็นเรื่องกรรมที่จะมาจัดสรรเอง เช่น จัดสรรการเกิด ฐานะ เป็นต้นให้เรา เราจึงไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ ว่าใครดีกับเราบ้าง เราจะต้องไปตามอุปถัมภ์ หรือ ใครร้ายกับเรา ก็จะไปตามจองล้างจองผลาญมัน...การมาประโคมข่าวเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ต้องทำบุญแก้กรรม จึงเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและมุ่งผลประโยชน์ของผู้นั้นมากกว่า คับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น