วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

สื่อมวลชน ทำลายศาสนา

สื่อมวลชน ทำลายศาสนา......ชาวพุทธส่วนใหญ่ทั้งพระและฆราวาส จะมองว่า สื่อที่นำเสนอข่าวด้านลบของพระ หรือ พุทธศาสนา มีเจตนาต้องการทำลายศาสนาพุทธในเมืองไทย บ้างก็คิดไกลไปถึงขั้นที่ว่า สื่อพวกนี้ได้รับเงินมาจากชาวมุสลิมหรือคริสต์ (อันนี้ฟังจากการแสดงความเห็นที่ดูเป็นจริงเป็นจัง จากพระที่เรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ครับ .... น่าคิดเหมือนกันว่า ทำไมคนที่ผ่านมหาวิทยาลัยสงฆ์ จะถูกปลูกฝังแนวคิดนี้มาเกือบหมดเลย อิอิ)

เพราะชาวพุทธจะมองว่า สิ่งที่สื่อนำเสนอมักเป็นเรื่องลบ ไฉนไม่เอาวัตรปฏิบัติดีๆมานำเสนอบ้าง เช่น พระเณรกำลังเรียนหนังสือ กำลังกวาดขยะ ฯลฯ ตอบง่ายนิดเดียวครับ ว่า การนำเสนอข่าว จะต้องเป็นประเด็นร้อน ที่แปลกใหม่ เพื่อตีแผ่สิ่งที่คนยังไม่ทราบ การนำภาพพระกวาดขยะไปลงข่าวหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ครับ คิดว่าเหตุผลง่ายๆ นี้เราน่าจะเข้าใจได้นะ ถ้าเรายังมองสื่อในแง่ลบอยู่ โดยเชื่อว่าพวกเขาจะไม่นำเสนอข่าวดีๆได้ ท่านลองท่องจำพระไตรปิฎกทั้ง 45 เล่มให้ได้สิคับ รับรองว่า หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต้องลงข่าวท่านแน่ๆ อิอิ

การนำเสนอเรื่องไม่ดี ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก นั่นคือทำให้คนพุทธได้ตื่นตัว ไม่ตกเป็นเครื่องมือพระ เช่นโยมผู้หญิงที่เข้าไปดูดวง ถวายสังฆทาน สักน้ำมันกับพระสองต่อสองแล้วถูกข่มขืน เณรน้อยที่ถูกหลวงพ่อ กระทำชำเราฯลฯ อย่างน้อยสังคมจะได้เปลี่ยนทัศนะคติว่า การบวชไม่ได้ทำให้คนวิเศษ ไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะนำลูกที่ติดยาเสพติดไปบวช (อยู่วัดแล้วเสพง่ายขึ้น ตำรวจไม่จับ เจ้าอาวาสก็ไม่ไล่ออก เพราะการมีพระจำนวนมากๆในวัดนำผลประโยชน์บางอย่างมาให้ตน) ลูกกำลังจะเป็นกระเทย ก็พาไปบวช เพื่อให้ได้อยู่แต่กับพระเณรที่เป็นสังคมผู้ชาย (คิดได้รอบคอบจริงๆ) อิอิ สรุปคือ ข่าวช่วยทำให้เราตาสว่างขึ้นครับ ไม่อยู่กับการหลอกตัวเองว่าวัดเป็นสังคมพระศรีอาริย์ (Utopian Dream)

หากไม่อยากให้สื่อนำเสนอข้อมูลด้านลบ สิ่งที่เราควรทำคือ เราเองต้องไม่ประพฤติตัวแย่ ไม่ใช่ขอร้องให้มีกฎหมายคุ้มครองตัวเอง ขอไม่ให้สื่อมวลชนมาทำข่าวพระสงฆ์ วิธีแก้ง่ายนิดเดียวครับ นั่นคือ ท่านเลิกมีเมีย เลิกกินเหล้า เลิกเล่นการพนัน เลิกหลอกหาเงินจากชาวบ้าน เลิกไขว่คว้าเรื่องยศตำแหน่ง แค่นี้ สื่อมวลชนก็ไม่มีข่าวร้ายๆ ของพระไปเผยแพร่แล้วคับ อิอิ นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาแบบประชาธิปไตยนะครับ ซึ่งเราไม่ควรใช้วิธีเผด็จการอำนาจนิยม อิอิ

สรุปคือ เราควรเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนครับ มีอะไรก็นำเสนอไปตามนั้น ต่อให้เสนอเกินความจริงไปบ้าง ก็ยังเกิดประโยชน์ เพราะช่วยให้สังคมตื่นรู้มากขึ้น หากเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง สื่อก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ตามฐานะ นี่เป็นสิ่งที่เราควรส่งเสริมครับ มิใช่ช่วยกันรณรงค์ให้ยุบสื่อหรือให้เลิกนำเสนอข่าว

หากบางท่านยังมองว่า สื่อทำลายศรัทธาปสาทะของคนมีต่อศาสนา.... เรื่องนี้ พุทธศาสนาสอนศรัทธาที่มาคู่กับปัญญาครับ ไม่ให้เราเชื่ออะไรง่ายอยู่แล้ว หากเราคิดจะศรัทธาพระแบบไม่ลืมหูลืมตา เราก็ผิดตั้งแต่ต้น (เพราะไม่เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตัวเอง)กรณีที่เรารู้จักแยกแยะ พิสูจน์ความจริง ศรัทธาด้วยเหตุผล การนำเสนอข่าวพระชั่วไม่กี่คน ไม่สามารถทำลายศรัทธาชาวบ้านที่ฉลาดได้หรอกครับ (และพระชั่วเหล่านั้น ก็ไม่ได้เป็นที่ศรัทธาของปัญญาชนเหล่านี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ทำลายศรัทธาแต่อย่างใด) เราไม่จำเป็นต้องมีพระจำนวนมากๆ เพื่อไว้เป็นสรณะ ให้บ้านเมืองยึดเหนี่ยวหรอกครับ อิอิ ปัจจุบันเป็นยุคของประชาธิปไตย มิใช่ลัทธิบูชาตัวบุคคล อยากเข้าถึงศาสนา เราก็ไม่จำเป็นต้องไปกราบเท้าใครให้เขาเสกกระหม่อมอีกต่อไป ขอแนะนำให้ไปซื้อพระไตรปิฎกฉบับประชาชน (มหามกุฏราชวิทยาลัย) เล่มละ 500 บาท มาไว้ประจำบ้านและศึกษาให้เข้าใจครับ อันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรทำ และก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก.....กว่าการสุมหัวกับพระแล้วนั่งด่า สรยุทธ์ อิอิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น